Rail Travel

ซากุระซีรี่ส์ #2: จุดชมซากุระโดยมีปราสาทเป็นพื้นหลัง

ซากุระซีรี่ส์ #2: จุดชมซากุระโดยมีปราสาทเป็นพื้นหลัง

เมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ สำหรับคนส่วนใหญ่ภาพของซากุระ (桜 sakura) จะผุดขึ้นมาในใจทันที เป็นภาพพจน์ที่แทบจะพ้องกันกับประเทศญี่ปุ่น ภาพของกลีบดอกสีชมพูและขาวที่ปกคลุมพื้นราวกับพรมและที่ปลิวกระจัดกระจายบนท้องฟ้า สำหรับคนญี่ปุ่น ซากุระยังเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มใหม่ และคนจำนวนมากจะรวมตัวกันกับครอบครัวและเพื่อนเพื่อสร้างความสัมพันธ์อีกครั้งใต้ต้นซากุระ

 

 ในฐานะประเทศแห่งซากุระ ญี่ปุ่นอุดมไปด้วยต้นซากุระ ผู้คนมาที่เหล่านี้เพื่อเพียงแค่ชมซากุระบาน (花見 hanami) และคนจำนวนมากจะปิคนิคใต้ต้นซากุระ แต่ยังมีบางจุดชมซากุระที่มีพื้นหลังเป็นเอกลักษณ์ บ้างก็สามารถเห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในระยะไกล สำหรับจุดอื่นพื้นหลังเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่สง่างามซึ่งเกิดเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสมบูรณ์แบบและนักท่องเที่ยวไม่สามารถชมได้จากที่อื่นได้อีก

 

บทความครั้งนี้ของฉันจะเกี่ยวข้องกับจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวสามารถชมซากุระบานอยู่ตรงกลางวิวของปราสาทประวัติศาสตร์เป็นพื้นหลัง ภูมิภาคตะวันออกของญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งบางปราสาทที่สง่างามตั้งกระจายตัวไปทั่วภูมิภาค เป็นสิ่งที่เหลืออยู่ของประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมของประเทศ และการชมปราสาทเหล่านั้นกับซากุระล้อมรอบเป็นประสบการณ์ที่ยากจะบรรยาย บางทีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งขึ้นคือ จำนวนมากของปราสาทเหล่านั้นได้ขึ้นบัญชีของ 100 ปราสาทดีที่สุดของญี่ปุ่น (日本百名城 Nihon Hyaku-Meijō) โดยมูลนิธิปราสาทญี่ปุ่น (Japan Castle Foundation)

 

สำหรับบทความนี้ ฉันจะแบ่งจุดแนะนำเป็นสองส่วน ส่วนที่อยู่ในเขตโทโฮคุ และอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในเขตชินเอ็ตสึ สำหรับแต่ละเขตคุณสามารถใช้ตั๋วพาสของ JR East ที่แตกต่างกัน และคุณสามารถนั่งสายรถไฟของ JR East ในพื้นที่ที่ใช้ได้ในแต่ละเขตด้วย

 

บางทีการชมปราสาทและซากุระบานด้วยกันเป็นสิ่งเฉพาะอย่างเด่นชัดของญี่ปุ่น ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจึงต้องการไปเยือนที่เหล่านั้นขณะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

(หมายเหตุ: บทความนี้เป็นส่วนที่สองของซากุระซีรี่ส์ที่มีสามส่วน เน้นเป็นพิเศษถึงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงในญี่ปุ่น ข้อควรระวังคือช่วงเวลาที่ซากุระบานที่จะกล่าวต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)

 

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region 東北地方)

ภูมิภาคโทโฮคุตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชูและมี 6 จังหวัดด้วยกัน อาโอโมริ (Aomori 青森県) อาคิตะ (Akita 秋田県) อิวาเทะ (Iwate 岩手県) ยามะกะตะ (Yamagata 山形県) มิยางิ (Miyagi 宮城県) และ ฟุคุชิมะ (Fukushima 福島県) เป็นที่ตั้งของปราสาทญี่ปุ่นที่สง่าโอ่อ่าจำนวนมาก หลายแห่งเป็นพื้นหลังให้กับซากุระอันสวยสง่างามซึ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ มาดูบทความด้านล่างกันเกี่ยวกับบางจุดที่ดีที่สุดในการชมซากุระร่วมกับปราสาท

 

ตำแหน่งที่ตั้งจุดชมซากุระกับปราสาทเป็นพื้นหลังในโทโฮคุ (เครดิตภาพ: Google Maps)

 

สวนฮิโรซาคิ (Hirosaki Park 弘前公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: ปลายเดือนเมษายน–ต้นเดือนพฤษภาคม

สวนฮิโรซาคิในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: JR East)

 

ในจังหวัดทางตอนเหนือ จังหวัดอาโอโมริมี สวนฮิโรซาคิ (Hirosaki Park) หนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่ดีที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ (東北地方 Tōhoku-chihō) เป็นสวนที่กว้างขวางกว่า 492,000 ตารางเมตรและเป็นบ้านของต้นซากุระมากกว่า 2,500 ต้น ผู้คนจำนวนมากมาเยี่ยมเยือนสวนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อชมและตกตะลึงไปกับกลีบซากุระที่ปลิวกระจัดกระจาย และสิ่งที่น่าตื่นต่าใจพอกันก็คือทัศนียภาพยามค่ำคืน เมื่อสปอตไลท์ส่องแสงไปยังต้นซากุระโดยรอบทำให้เกิดวิวทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งขึ้น

 

 แต่ถ้ามีวิวทัศนียภาพหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่นี่ มันก็คือ "พรมดอกซากุระ" (花筏 hana ikada) ที่ซึ่งกลีบดอกซากุระปกคลุมผิวน้ำนิ่งไปหมดที่บริเวณคูปราสาทรอบนอกเกิดเป็นพรมดอกไม้ตามตัวอักษร

 

พื้นหลัง: ปราสาทฮิโรซาคิ (Hirosaki Castle 弘前城)

*ปราสาทฮิโรซาคิตั้งอยู่ในสวน (เครดิตภาพ: Hirosaki City / JNTO)

 

สิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นอย่างยิ่งในสวนฮิโรซาคินั่นคือ ปราสาทฮิโรซาคิ สร้างในศตวรรษที่ 16 เป็นตัวอย่างคลาสสิคของปราสาทสไตล์ฮิรายามะ (平山城 hirayama-jō) ซึ่งปราสาทถูกสร้างบนภูเขา เนินหรือพื้นดินยกระดับ ปราสาทได้รับการซ่อมแซมนานหลายปี ครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 18 และอีกครั้งหนึ่งเมื่อทศวรรษที่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ หอคอยปราสาท (天守 tenshu) เป็นเพียงหนึ่งเดียวของเขตโทโฮคุที่สร้างในยุคเอโดะ (1603–1868)!

 

ฉันได้เขียนรายละเอียดกว่านี้เกี่ยวกับปราสาทฮิโรซาคิในบทความก่อนหน้านี้ดังนั้นคุณสามารถหาอ่านได้ถ้าสนใจจะรู้มากกว่านี้

(*หมายเหตุ: ตอนนี้ปราสาทฮิโรซาคิอยู่ในการปรับปรุงซ่อมแซมครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการสร้างฐานของกำแพงหินใหม่ กระบวนการนี้คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จเร็วสุดในปี 2025 หรือหลังจากนั้น วิวปราสาทจะได้เห็นอีกทีหลังจากการปรับปรุงซ่อมแซมแล้วเสร็จ)

 

ปราสาทฮิโรซาคิตอนกลางคืน (เครดิตภาพ: Aomori Prefecture)

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟ JR สาย Ou Main Line (JR奥羽本線 Ōu-honsen) จากสถานี JR Shin-Aomori (JR新青森駅 Shin-Aomori-eki) ไปยังสถานี JR Hirosaki (JR弘前駅 Hirosaki-eki) หลังจากนั้นนั่งรถบัสโดะเทะมาจิสายรอบเมือง (Dotemachi Loop Bus) จากฝั่งตะวันตกของสถานีรถไฟและลงที่ป้าย Shiyakusho-mae สวนฮิโรซาคิอยู่ห่างจากป้ายรถบัสด้วยระยะเดิน 5 นาที

 

สวนเซนชู (Senshu Park 千秋公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน 

ซากุระบานเต็มที่ในสวนเซนชู (เครดิตภาพ: Akita Prefecture)

 

สถานที่ต่อไปเราไปกันที่สวนเซนชูตั้งอยู่กลางเมืองอาคิตะ (Akita city秋田市) เมืองหลวงของจังหวัดอาคิตะซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามและถูกตกแต่งไปด้วยต้นซากุระกว่า 1,000 ต้นที่บานในฤดูใบไม้ผลิ สวนนี้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 จุดชมวิวซากุระที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น สวนนี้ยังมีศาลเจ้าอยู่หลายแห่งทำให้ได้บรรยากาศประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เช่น ศาลเจ้าฮะจิมังอาคิตะ (Hachiman Akita Shrine 八幡秋田神社) และศาลเจ้าอิยะทะคะ (Iyataka Shrine 彌高神社)

 

ถ้าคุณสนใจอยากทราบเกี่ยวกับสวนนี้มากขึ้น JR East สาขาอาคิตะได้เขียนรายละเอียดไว้ในบทความก่อนหน้านี้ ดังนั้นลองไปดูอ่านได้ 

 

พื้นหลัง:ปราสาทคุโบตะ (Kubota Castle 久保田城)

ปราสาทคุโบตะในสวนเซนชู (เครดิตภาพ: Akita Prefecture)

 

ปราสาทคุโบตะตั้งอยู่บนทางลาดของสวนเซนชู ซึ่งปราสาทดั้งเดิมนั้นถูกสร้างในยุคเอโดะตอนต้น สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับปราสาทนี้ก็คือ มีหลายชื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา เช่น ปราสาทยาโดเมะ (Yadome Castle 矢留城) และปราสาทคาซุเนะ (Kuzune Castle 葛根城) มีการซ่อมแซมหลายครั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการบูรณะโครงของปราสาทในปี 1989 และประตูหน้าในปี 2001

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟอาคิตะชินคันเซ็น (Akita Shinkansen) จากสถานี JR Tokyo (JR東京駅 Tōkyō-eki) ไปสถานีJR Akita (JR秋田駅 Akita-eki) และเดินต่อ 10 นาทีไปยังสวนซึ่งตั้งห่างออกไป 500 เมตรทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสถานีรถไฟ

 

สวนปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Site Park 盛岡城跡公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนปราสาทโมริโอกะ (เครดิตภาพ岩手県観光協会)

 

สวนปราสาทโมริโอกะเป็นสวนที่ต้องไปทั้งสำหรับคนที่อาศัยอยู่หรือคนที่มาเที่ยวเมืองโมริโอกะ (盛岡市 Morioka-shi) เมืองหลวงของจังหวัดอิวาเทะ เป็นหนึ่งในสถานที่หลักในการชมซากุระซึ่งปกติจะถูกจัดขึ้นปลายเดือนเมษายน และเป็นสถานที่ที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่อยากชมไม่เพียงแต่สีสันฤดูใบไม้ผลิของเมืองแต่ยังรวมไปถึงฤดูอื่นๆด้วย

 

พื้นหลัง: ปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle 盛岡城)

กำแพงหินที่เหลืออยู่ของปราสาทโมริโอกะ (เครดิตภาพ: photoAC)

 

ฉากหลังของสวนปราสาทโมริโอกะก็คือปราสาทที่ชื่อเดียวกันกับสวน หรือส่วนที่เหลือของมัน ปราสาทโมริโอกะถูกสร้างขึ้นในปี 1597 และเมื่อก่อนรู้จักกันในชื่อ ปราสาทโคะซุคะตะ (Kozukata Castle 不来方城 Kozukata-jō) อย่างไรก็ตามปราสาทนี้ได้ถูกทำลายในปี 1874 ในช่วงสิ้นสุดยุคซามูไรและหลงเหลือเพียงบางส่วนของกำแพงหินดั้งเดิม สวนนี้เงียบสงบไปเป็นเวลาหลายปีหลังจากปราสาทถูกทำลายลง แต่ได้รับการฟื้นฟูและเปลี่ยนชื่อเป็นสวนอิวาเทะในปี 1906 และเพียงในปี 2006 ในช่วงการครบรอบ 100 ปีของสวนได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบันในชื่อ สวนปราสาทโมริโอกะ

 

และฉันได้เขียนบทความแยกเกี่ยวกับสวนนี้ด้วย ไปดูและอ่านได้ ที่นี่

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen 東北新幹線) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Morioka (JR盛岡駅 Morioka-eki) เมื่อถึงแล้วคุณสามารถนั่งรถบัสรอบเมืองสายเซ็นทรัล (Central Loop Bus ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา) จากทางออกทิศตะวันออกของสถานี JR Morioka บริเวณที่ขึ้นรถเบอร์ 16 ไปยังปราสาท (ใช้เวลาประมาณ 7 นาที) ทางเลือกอื่นคือนักท่องเที่ยวสามารถเดิน 15 นาทีไปยังสวนได้จากสถานี JR Morioka 

 

สวนคะโจ (Kajo Park 霞城公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนคะโจในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Yamagata Prefecture)

 

สวนคะโจตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองยามะกะตะ (Yamagata City 山形市) ในจังหวัดยามะกะตะที่เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยภูเขา สวนคะโจมีต้นซากุระ 1,500 ต้นปกคลุมพื้นที่สวน เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดยามะกะตะและสวนมีทั้งสิ่งปลูกสร้างใหม่และเก่า เช่น สปอร์ตคอมเพล็กซ์และอาคารทางประวัติศาสตร์

 

หนึ่งในสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ที่เหลืออยู่และมีชื่อเสียงโด่งดังคือ อาคารหลักไซเซคังเก่า (Old Saiseikan Main Building 旧済生館本館) ตึกโรงพยาบาลที่สร้างขึ้นในปี 1878 และถูกเปลี่ยนชื่อและเปิดอีกครั้งต่อสาธารณชนในฐานะ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองยามะกะตะ (Yamagata City Local History Museum 山形市郷土館 Yamagata-shi Kyōdokan) สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของอาคารนี้ก็คือรูปร่าง 14 เหลี่ยมและการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกกับญี่ปุ่นให้เข้ากันได้อย่างสวยงามและยังได้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ (重要文化財 jūyō bunkazai)  

 

พื้นหลัง: ปราสาทยามะกะตะ (Yamagata Castle 山形城)

คูปราสาทรอบปราสาทยามะกะตะ (เครดิตภาพ: Yamagata Prefecture)

 

ตรงใจกลางสวนคะโจคือ ปราสาทยามะกะตะ ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีอายุมากที่สุดในรายการปราสาทนี้สร้างในปี 1356 และปราสาทนี้ก็รู้จักกันในชื่อปราสาทคะโจด้วย (ดังนั้นจึงมีชื่อเป็นสวนคะโจ) สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ที่นี่ไม่เหมือนกับปราสาทอื่นๆที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น เพราะว่าที่นี่ไม่มีหอคอยปราสาทหรือกำแพงหินขนาดใหญ่มหึมา แต่ทว่าด้วยอาณาเขตรวม 235 เฮกตาร์คำนวณจากพื้นที่รอบนอกของปราสาท ทำให้ปราสาทนี้เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุเมื่อเปรียบเทียบขนาดพื้นที่

 

มุมมองทางอากาศของปราสาทยามะกะตะและพื้นที่โดยรอบ (เครดิตภาพ: Yamagata Convention Bureau / JNTO)

 

ต้นซากุระถูกปลูกรอบพื้นที่บริเวณปราสาทในปี 1906 เพื่อเป็นเป็นอนุสรณ์ถึงสงคามรัสเซีย-ญี่ปุ่น และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสวนคะโจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองมีแผนจะสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ด้วยให้เป็นดั่งสถาพตอนรุ่งเรืองภายในปี 2033

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟยามะกะตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen 山形新幹線) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Yamagata (JR山形駅 Yamagata-eki) หลังจากถึงแล้วสามารถเดิน 15 นาทีไปยังสวนได้ซึ่งตั้งอยู่ 1 กิโลเมตรทางเหนือของสถานีรถไฟ

 

สวนทสึกิโอกะ (Tsukioka Park 月岡公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนทสึกิโอกะในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Yamagata Prefecture)

 

เราจะพาไปจุดชมซากุระอันต่อไปทางตอนใต้ของจังหวัดยามะกะตะ ไปยังเมืองที่สงบเงียบ เมืองคามิโนะยามะ (Kaminoyama city上山市) หนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่เป็นที่ชื่นชอบก็คือ สวนทสึกิโอกะ ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมซากุระบานกว่า 100 ต้น

 

สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ควรทราบก็คือ ชนิดของซากุระที่นักท่องเที่ยวจะได้ชม ได้แก่ โซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino ソメイヨシノ) พันธุ์ทั่วไปพบได้ทั่วญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ และอีกพันธุ์คือ ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura しだれ桜) หรือซากุระพันธุ์ห้อยย้อย สองพันธุ์นี้ร่วมกันกับภาพมุมกว้างของเมืองเบื้องล่างทำให้คุณได้ทัศนียภาพฤดูใบไม้ผลิที่มหัศจรรย์และไม่อาจลืมได้

 

พื้นหลัง: ปราสาทคามิโนะยามะ (Kaminoyama Castle 上山城)

ปราสาทคามิโนะยามะมองไปยังสวนเบื้องล่าง (เครดิตภาพ: Yamagata Prefecture)

 

ปราสาทที่สามารถมองไปยังสวนเบื้องล่างได้คือ ปราสาทคามิโนะยามะ หรือที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปราสาททสึกิโอกะ (月岡城 Tsukioka-jō) ดังนั้นจึงเป็นชื่อของสวน ปราสาทดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี 1535 แต่ถูกทำลายลงในยุคเมจิ (1868–1912) ด้วยความพยายามที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่น หอคอยปราสาทสไตล์เอโดะได้ถูกสร้างตรงตำแหน่งปราสาทดั้งเดิมที่ถูกทำลายไปเป็นอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน และปราสาทนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นซึ่งอยู่ข้างในปราสาท

 

สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ควรทราบก็คือ คามิโนะยามะเป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองออนเซ็นด้วย! เมื่อมาเยือนเมืองนี้ในฤดูใบไม้ผลิแล้ว มันไปความคิดที่ดีเยี่ยมที่จะดื่มด่ำไปกับการแช่เท้าในออนเซ็นเท้า (足湯 ashiyu) ที่พบในบางที่ของเมืองขณะที่คุณสามารถชมกลีบซากุระปลิวกระจัดกระจายไปมา

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟยามะกะตะชินคันเซ็นจากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Kaminoyamaonsen (JRかみのやま温泉駅 Kaminoyamaonsen-eki) เมื่อมาถึงแล้วสามารถเดิน 11 นาทีไปยังสวนซึ่งตั้งห่าง 850 เมตรทางตอนเหนือของสถานี

 

สวนคาสุมิกะโจ (Kasumigajo Park 霞ヶ城公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนคาสุมิกะโจเมื่อมองจากระยะไกล (เครดิตภาพ: 二本松観光連盟)

 

บริเวณทางตอนเหนือของจังหวัดฟุคุชิมะเป็นที่ตั้งของเมืองนิฮนมัตสึ (Nihonmatsu city二本松市) ที่ซึ่งเราจะสำรวจจุดชมวิวซากุระอันถัดไป สวนคาสุมิกะโจ เป็นสถานที่พักผ่อนที่เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น แต่นักท่องเที่ยวก็หันมาสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะของสถานที่ชมซากุระบาน ด้วยต้นซากุระกว่า 1,700 ต้นและสวรรค์ของดอกไม้ทำให้ผู้คนจำนวนมากหลงใหลไปกับฤดูใบไม้ผลิ

 

พื้นหลัง: ปราสาทนิฮนมัตสึ (Nihonmatsu Castle 二本松城)

หนึ่งในกำแพงหินที่เหลืออยู่ของปราสาทนิฮนมัตสึ (เครดิตภาพ: 二本松観光連盟)

 

อนุสรณ์สถานของตอนเหนือของจังหวัดฟุคุชิมะ ปราสาทนิฮนมัตสึ เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยาวไกลไปถึงศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในปี 1341 และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1643 ปราสาทนี้รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งด้วย ปราสาทชิราฮะตะ (Shirahata Castle 白旗城 Shirahata-jō) และปราสาทคาสุมิกะโจ (Kasumiga Castle 霞ヶ城 Kasumiga-jō จึงเป็นชื่อของสวน) สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ของปราสาทถูกทำลายในช่วงการปฏิรูปเมจิ และสิ่งที่หลงเหลือเราเห็นในปัจจุบันประกอบไปด้วยบางส่วนของกำแพงหินและประตูมิโนวะ

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Kōriyama (JR郡山駅 Kōriyama-eki) หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย Tohoku Main Line (東北本線 Tōhoku-honsen) ไปยังสถานี JR Nihonmatsu (JR二本松駅 Nihonmatsu-eki) หลังจากถึงแล้วสามารถเดิน 20 นาทีหรือนั่งเท็กซี่ 5 นาทีไปยังสวนได้ สวนตั้งอยู่ 1.2 กิโลเมตรทางตอนเหนือของสถานีรถไฟ 

 

 ⑦ สวนปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle Park 鶴ヶ城公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนปราสาทสึรุกะในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Fukushima Prefecture)

 

สำหรับอีกหนึ่งจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฟุคุชิมะ เราจะมุ่งหน้าสู่เมืองประวัติศาสตร์ เมืองไอซุวาคะมัตสึ (Aizu-Wakamatsu city会津若松市) ทางตะวันตกของจังหวัดที่ซึ่งเราจะพบกับ สวนปราสาทสึรุกะ สวนสวยงามที่มีต้นซากุระประมาณ 1,000 ต้นบานในฤดูใบไม้ผลิและนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปรวมตัวกันเพื่อชมกลีบซากุระปกคลุมไปทั่วบริเวณ

 

พื้นหลัง: ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle 鶴ヶ城)

ปราสาทสึรุกะ (เครดิตภาพ: Fukushima Prefecture)

 

หอคอยเหนือสวนคือ ปราสาทสึรุกะ  สถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของเมือง ปราสาทที่สง่างามนี้โดยแรกเริ่มสร้างขึ้นในปี 1384 และเป็นที่รู้จักกันในฐานะป้อมปราการที่ไม่สามารถบุกเข้าไปได้จากยุคสู่ยุค แต่แม้ว่าจะอยู่รอดจากหลายสงคราม ปราสาทดั้งเดิมถูกทำลายลงในปี 1874  และถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1965 ด้วยหอคอยปราสาทอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน เหลือเพียงแค่กำแพงหินและคูรอบปราสาทที่เป็นสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน

 

สิ่งที่น่าสนใจคือนี่เป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีหลังคาเป็นสีแดง และอีกข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือปราสาทนี้เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่ง ปราสาทไอซุวาคะมัตสึ (会津若松城 Aizu-Wakamatsu-jō).

 

การประดับไฟปราสาทสึรุกะยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Fukushima Castle)

 

เช่นเดียวกับซากุระเป็นอัตลักษณ์ของญี่ปุ่นได้อย่างไร ปราสาทก็เป็นอย่างนั้นด้วยซึ่งเป็นการรวบรวมประวัติศาสตร์อันยาวนานให้เป็นรูปร่างขึ้นมา แม้ว่าซากุระจะพบเห็นทั่วไปในสถานที่จำนวนมากทั่วประเทศ แต่จะยิ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างยิ่งเมื่อชมซากุระกับสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่สง่างามเป็นพื้นหลัง ปราสาทที่งดงามสามารถพบได้ในโทโฮคุ ดังนั้นต้องแน่ใจว่าจะสามารถชมและจับวิวทัศนียภาพเหล่านี้ที่สวยเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเมื่อคุณมาเยือนภูมิภาคนี้ในฤดูใบไม้ผลิ 

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นจากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Kōriyama หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย  Banetsu West Line (JR磐越西線 Ban'etsu-sai-sen) ไปยังสถานี JR Aizu-Wakamatsu (JR会津若松駅 Aizu-Wakamatsu-eki) ที่นั้นคุณสามารถนั่งรถบัสรอบเมืองไฮคะระซัง หรือ อคาเบะ (Haikara-san หรือ Akabe) ไปยังป้าย สึรุกะโจคิตะกุจิ (Tsurugajo Kitaguchi) หรือป้ายสึรุกะโจอิริกุจิ (Tsurugajo Iriguchi) และเดิน 5 นาทีเข้าไปในสวน

 

ภูมิภาคชินเอ็ตสึ (Shinetsu Region 信越地方)

ประกอบไปด้วยจังหวัดนากาโน่ (Nagano 長野県) และจังหวัดนีกาตะ (Niigata 新潟県) ภูมิภาคชินเอ็ตสึเป็นที่รู้จักกันในธรรมชาติที่สวยงามยอดเยี่ยมและประวัติศาสตร์ศักดินาอันยาวนาน ที่นี่ก็เป็นที่นักท่องเที่ยวสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการชมซากุระบานสวยงามในระหว่างฤดูใบไม้ผลิ และบางที่ก็มีปราสาทที่ยิ่งใหญ่สวยสง่างามเป็นพื้นหลัง นี่เป็นบางที่ของจุดชมวิวซากุระที่ดีที่สุดซึ่งนักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด

 

ตำแหน่งของจุดชมซากุระกับปราสาทเป็นพื้นหลังในชินเอ็ตสึ (เครดิตภาพ: Google Maps)

 

① สวนปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle Park 松本城公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน–กลางเดือนเมษายน

ปราสาทมัตสึโมโตะยามค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Matsumoto City / JNTO)

 

เราเริ่มต้นที่จังหวัดนากาโน่ในเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto city松本市) เมื่อพูดถึงจุดชมวิวซากุระในเมืองประวัติศาสตร์ ผู้คนจำนวนมากมักจะเลือกสวนปราสาทมัตสึโมโตะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ซากุระบานสวยงามมากในฤดูใบไม้ผลิที่นี่ ด้วยกลีบซากุระปกคลุมเต็มผิวน้ำของคูรอบนอกของปราสาทที่เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตระหง่านสูงอยู่ตรงกลางของสวน

  

พื้นหลัง: ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle 松本城)

ปราสาทมัตสึโมโตะตั้งอยู่ภายในสวน (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture / JNTO)

 

ปราสาทมัตสึโมโตะได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในปราสาทประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นและสำคัญมากที่สุดของญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่ว่าปราสาทนี้ถือว่าเป็นหนึ่งของตัวอย่างที่ดีที่สุดของสิ่งปลูกสร้างในยุคศักดินาของญี่ปุ่นในยุคเซนโกะคุ (1467–1615) แต่ไม่เหมือนกับปราสาทอื่นๆจำนวนมากที่ลักษณะการสร้างเป็นแบบฮิราโจ (hirajō 平城) ซึ่งปราสาทสร้างอยู่บนพื้นที่ราบแทนที่จะอยู่บนที่ลาดหรือเนินเขา เป็นเรื่องที่น่าสนใจคือคนท้องถิ่นเรียกปราสาทนี้ว่า "ปราสาทอีกา" (烏城) เพราะว่าการตกแต่งภายนอกสีดำและหลังคาที่ดูเหมือนกับปีกที่แผ่ขยาย  

 

ปราสาทมัตสึโมโตะเป็นหนึ่งในห้าปราสาทที่เป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น (国宝 kokuhō) และเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมที่สุด ในความเป็นจริงทุกฤดูใบไม้ผลิที่นี่มีงาน เช่น งานชมซากุระกลางคืน (夜桜会 yozakura-kai) และทางเดินแห่งแสง (光の回廊 Hikari-no-Kairō) ซึ่งจะมีการประดับไฟยามค่ำคืนกับแถวต้นซากุระที่นำไปสู่ปราสาท ซึ่งทั้งสองงานปกติแล้วจะจัดเป็นเวลา 8 วันนับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนของทุกปี

(หมายเหตุ: เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของ COVID-19 งานทั้งสองข้างต้นถูกยกเลิกในปี 2021)

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Azusa (あずさ) จากสถานี JR Shinjuku (JR新宿駅 Shinjuku-eki) ไปยังสถานี JR Matsumoto (JR松本駅 Matsumoto-eki) และเดิน 15-20 นาทีไปยังสวน

 

② สวนซากปราสาททาคะโตะ (Takato Castle Ruins Park 高遠城跡公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน–กลางเดือนเมษายน

สะพานโออุนเคียวในสวนซากปราสาททาคะโตะ (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture)

 

ประมาณ 60 กิโลเมตรไปทางตอนใต้ของมัตสึโมโตะเป็นเมืองอินะ (Ina city 伊那市 Ina-shi) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น สวนซากปราสาททาคะโตะเป็นที่ที่ต้องไปเพื่อชมซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิและผู้คนจำนวนมากจะไปสะพานโค้งพิเศษที่ชื่อว่า สะพานโออุนเคียว แปลตามตัวอักษรว่าสะพานเมฆซากุระ (櫻雲橋 Ōunkyō) ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมซากุระของสวนนี้ ข้อเท็จจริงน่าสนใจอย่างหนึ่งที่ควรทราบก็คือ ต้นซากุระในสวนนี้ถูกปลูกในยุคเมจิ (1868–1912) และอีกสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ควรทราบก็คือสวนนี้เป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่สวยที่สุดในการชมซากุระยามค่ำคืนของญี่ปุ่น (日本三大夜桜 Nihon-sandai-yozakura).

 

สิ่งพิเศษอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ที่สวนนี้ก็คือ พันธุ์ซากุระที่บานที่นี่คือ ทาคาโตะโคฮิกังซากุระ (Takato Kohigan Zakura タカトオコヒガンザクラ) ไม่เหมือนกับพันธุ์ทั่วไปที่มักพบเห็นได้ในสถานที่ส่วนใหญ่อย่างโซเมโยชิโนะ (Somei Yoshino) พันธุ์นี้มีดอกหนาแน่นและจำนวนดอกมากกว่าต่อกิ่งและสีที่อิ่มตัวมากกว่าด้วยสีชมพูเข้ม ซากุระพันธุ์นี้บางครั้งถูกกล่าวว่าเป็น "ซากุระที่ดีที่สุดในโลก" (天下第一の桜 tenka daiichi no sakura) ด้วย!

 

พื้นหลัง: ปราสาททาคะโตะ (Takato Castle 高遠城)

สวนซากปราสาททาคะโตะประดับไฟยามค่ำคืน (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture)

 

ดั้งเดิมถูกสร้างในยุคเซนโกะคุ ปราสาททาคะโตะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปราสาทคาบุโตะ (兜山城 Kabuto-jō) อย่างไรก็ตามหลังจากหมดยุคเอโดะ ปราสาทส่วนใหญ่ถูกทำลายและเหลือเพียงประตูซึ่งถูกบริจาคให้วัดใกล้เคียง ปัจจุบันสวนมีลักษณะผสมผสานระหว่างซากปราสาทที่หลงเหลือและสิ่งก่อสร้างใหม่ เช่น ไทโคะยะกุระ  (Taiko-yagura 太鼓やぐら) หอคอยที่มีรูปร่างคล้ายกลองซึ่งให้วิวที่วิเศษของสวนโดยรอบและเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะชินชู-ทาคะโตะ  

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Azusa จากสถานี JR Shinjuku ไปยังสถานี JR Chino (JR茅野駅 Chino-eki) จากที่นั่นคุณสามารถนั่งรถบัส JR ซึ่งวิ่งจากสถานี Chino ไปยังป้ายทาคะโตะ (Takato) สวนอยู่ห่างเดิน 15 นาทีจากป้ายรถบัส ข้อควรระวังคือรถบัสนี้วิ่งเฉพาะฤดูซากุระบานและออกทุก 2-4 ชั่วโมงและค่าโดยสารก็ครอบคลุมด้วยตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

 

สวนปราสาทมัตสึชิโร (Matsushiro Castle Park 松代城跡公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน–กลางเดือนเมษายน

สวนปราสาทมัตสึชิโร (เครดิตภาพ: Nagano Convention and Visitors Bureau)

 

สวนปราสาทมัตสึชิโรซ่อนตัวอยู่ในมัตสึชิโรเมืองแห่งประวัติศาสตร์ซามูไร (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนากาโน่) ซึ่งเป็นจุดที่คนท้องถิ่นทราบและเป็นหนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่ดีที่สุด ต้นซากุระมีอยู่มากมายที่นี่และผู้คนมากขึ้นที่มาเยือนที่นี่ปีแล้วปีเล่าเพียงเพื่อมาชมซากุระ บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสวนนี้มีชื่อเสียงสำหรับเหตุผลพิเศษอย่างหนึ่ง... 

(หมายเหตุ: ถ้าคุณอยากทราบมากขึ้นเกี่ยวกับเมืองมัตสึชิโร คุณสามารถอ่านและชมบทความก่อนหน้า ซึ่งเฉพาะเจาะจงพิเศษเกี่ยวกับเมืองนี้)

  

พื้นหลัง: ปราสาทมัตสึชิโร (Matsushiro Castle 松代城)

คูปราสาทและประตูที่สร้างขึ้นมาใหม่ของปราสาทมัตสึชิโร (เครดิตภาพ: Nagano Convention and Visitors Bureau)

 

ปราสาทมัตสึชิโรเป็นศูนย์กลางของทั้งเมือง เป็นปราสาทแบบตั้งอยู่บนพื้นราบ ฮิราโจ (hirajō) สร้างในยุคเซนโกะคุ ก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อปราสาทไคซุ (海津城 Kaizu-jō) ปราสาทได้จ้องมองสงครามมากมายตลอดระยะเวลาจากรุ่นสู่รุ่นและถูกทำลายเมื่อการมาถึงของยุคเมจิ ประตูหลักและคูปราสาทที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยวิธีดั้งเดิมเพื่อรักษาลักษณะของแท้และความถูกต้อง ต้นซากุระอยู่ที่ลานภายในของปราสาทในสมัยก่อน

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen 北陸新幹線) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Nagano (JR長野駅 Nagano-eki) จากที่นั่นคุณสามารถนั่งรถบัสไปยังมัตสึชิโรได้จากป้ายรถบัสเบอร์ 3 จากทางออกเซ็นโคจิ (Zenkoji) ของสถานี JR Nagano และลงที่ป้าย Old Matsushiro Station สวนอยู่ห่างเดิน 15 นาทีจากป้ายรถบัส ข้อควรระวังคือรถบัสนี้ออกทุก 20-30 นาที

 

④ สวนปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle Park 上田城跡公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน–กลางเดือนเมษายน

สวนปราสาทอุเอดะเต็มไปด้วยซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture)

 

ทางตอนเหนือของจังหวัดนากาโน่คือเมืองเงียบๆอุเอดะ (Ueda city上田市) ที่ซึ่งมีซากุระตั้ง 1,000 ต้นบานในฤดูใบไม้ผลิ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวซากุระที่เป็นที่นิยมในทางตอนเหนือของจังหวัดนากาโน่ และเช่นเดียวกับมัตสึชิโร อุเอดะมีชื่อเสียงสำหรับประวัติศาสตร์ยุคศักดินา สวนเป็นที่ตั้งของสิ่งที่เหลืออยู่ของปราสาทที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด

  

พื้นหลัง: ปราสาทอุเอดะ (Ueda Castle 上田城)

หนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่ยังเหลืออยู่ของปราสาทอุเอดะ (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture)

 

ปราสาทอุเอดะตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองลงมาเห็นสาขาของแม่น้ำจิคุมะ (千曲川 Chikuma-gawa) อีกสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่มาจากสมัยเซนโกะคุ หลังจากนั้นปราสาทนี้เป็นของตระกูลซามูไรที่มีอำนาจมากและผ่านประสบการณ์สงครามมากมายเป็นเวลาหลายปี เช่นเดียวกับปราสาทอื่นๆจำนวนมากที่สิ่งก่อสร้างของปราสาทส่วนใหญ่ถูกทำลายลงระหว่างยุคเมจิ และบางส่วนได้ทำการสร้างขึ้นมาและบูรณะรักษาไว้ในศตวรรษที่ 20

(หมายเหตุ: ถ้าคุณอยากทราบมากขึ้นเกี่ยวกับเมืออุเอดะ คุณสามารถอ่านและชมบทความก่อนหน้า ซึ่งเฉพาะเจาะจงพิเศษเกี่ยวกับเมืองนี้)

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Ueda (JR上田駅 Ueda-eki) หลังจากถึงแล้วสามารถเดิน 10 นาทีไปยังสวน

 

⑤ สวนซากปราสาทโคะโมโระ ไคโคเอ็น (Komoro Kaikoen Castle Ruins Park 小諸城址懐古園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน–กลางเดือนเมษายน

ไคโคเอ็นในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Nagano Prefecture / JNTO)

 

จุดชมวิวซากุระสุดท้ายในจังหวัดนากาโน่ที่เราจะพาไปคือ สวนซากปราสาทโคะโมโระ ไคโคเอ็น หรือในชื่อสั้นๆว่า ไคโคเอ็น ซึ่งชื่อไคโคเอ็น "Kaikoen" (懐古園) แปลว่า “สวนแห่งความรู้สึกโหยหาอดีต” และคนท้องถิ่น  (และนักท่องเที่ยวต่างชาติก็เพิ่มขึ้นมากด้วย) ยอมรับว่าสวนนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมซากุระโซเมโยชิโนะบานในฤดูใบไม้ผลิ สวนอันกว้างขวางมีลักษณะหลากหลายแหล่งท่องเที่ยว เช่น สวนสัตว์เมืองโคะโมโระ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ฟุ่จิมุระและหลายอาคารอนุสรณ์สถาน แต่บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อนุสรณ์สถานประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางของสวน

 

พื้นหลัง: ปราสาทโคะโมโระ (Komoro Castle 小諸城)

ประตูซันโนะมง (San-no-Mon) ของปราสาทโคะโมโระ (เครดิตภาพ: 小諸城跡 懐古園)

 

ปราสาทโคะโมโระเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์จากสมัยมุโรมาจิ (1336–1573) ที่ซึ่งเฝ้ามองและทนทานผ่านสงครามจำนวนมากตั้งแต่ก่อตั้งมา เช่นเดียวกับปราสาทอื่นๆจำนวนมากในภูมิภาค สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ถูกทำลายหรือบริจาคให้วัดใกล้เคียงในช่วงต้นยุคเมจิ เหลือสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมเพียงเล็กน้อยรวมไปถึงประตูโอเทะมง (Ōtemon 大手門) และประตูซังโนะมง (San-no-Mon 三之門) ทั้งสองสิ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ

 

สิ่งที่สนใจคือปราสาทโคะโมโระเป็นที่รู้จักกันในเรื่องการออกแบบที่ผิดปกติ ไม่เหมือนกับปราสาทส่วนใหญ่อื่นๆที่สร้างบนยอดเนินเขาหรือพื้นที่สูง ปราสาทสร้างในที่ต่ำซึ่งระดับความสูงอยู่ต่ำกว่าเมืองโดยรอบ ดังนั้นตามจริงแล้วนักท่องเที่ยวสามารถมองภายในส่วนต่างๆของบริเวณปราสาทได้จากภายนอก และแทนที่คูปราสาทแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยน้ำ ปราสาทใช้หุบเขาลึกบริเวณโดยรอบเป็นคูปราสาที่ว่างเปล่าและใช้หน้าผาใกล้กับแม่น้ำจิคุมะทางฝั่งตะวันตกของปราสาทเป็นการป้องกันตามธรรมชาติต่อการรุกรานของศัตรูในอดีต

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Sakudaira (JR佐久平駅 Sakudaira-eki) หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย Koumi Line (JR小海線 Koumi-sen) และลงที่สถานี JR Komoro (JR小諸駅 Komoro-eki) หลังจากถึงสถานีนี้แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดิน 3 นาทีไปสวนได้

 

⑥ สวนซากปราสาททาคะดะ (Takada Castle Ruins Park (高田城跡公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนซากปราสาททาคะดะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตอนกลางคืน (เครดิตภาพ: Niigata Prefecture)

 

ต่อไปเราจะย้ายไปยังจังหวัดนีกาตะที่ซึ่งเราจะพบสวนที่มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่สำหรับชมซากุระบานสวยงามวิเศษในฤดูใบไม้ผลิ สวนซากปราสาททาคะดะตั้งอยู่ที่เมืองโจเอ็ตสึ (Joetsu city上越市) ทางตอนใต้ของจังหวัดนีกาตะ เป็นสวนที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเพื่อชมต้นซากุระมากกว่า 4,000 ต้นบานในฤดูใบไม้ผลิ และไฮไลต์สำคัญก็คือ ถนนซากุระ ซึ่งเป็นอุโมงค์ต้นซากุระที่ประดับไฟในยามค่ำคืน และอีกหนึ่งวิวทิวทัศน์ที่น่าชมที่นี่ก็คือการประดับไฟต้นซากุระด้วยโคมไฟสะท้อนภาพลงพื้นน้ำนิ่งของคูปราสาทโดยรอบ และคุณคงสนใจที่ทราบว่าสวนนี้ก็เป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นสำหรับการชมซากุระกลางคืน เช่นเดียวกันกับสวนซากปราสาททาคะโตะที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น   

 

พื้นหลัง: ปราสาททาคะดะ (Takada Castle 高田城)

หอคอยปราสาทสามชั้นของปราสาททาคะดะในเวลากลางคืน (เครดิตภาพ: Niigata Professional Photographers Society / JNTO)

 

หนึ่งในทัศนียภาพที่น่าสนใจมีเสน่ห์ที่สุดของสวนนี้ก็คือ ภาพวิวหอคอยปราสาทสามชั้นของปราสาททาคะดะอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของอดีตระบบศักดินาในภูมิภาค ปราสาทที่ตั้งอยู่บนพื้นราบ (hirajō-style castle) จากสมัยเอโดะและทนทานต่อภัยธรรมชาติจำนวนมาก เช่น แผ่นดินไหวสองครั้งในปี 1665 และ 1751 และไฟไหม้ครั้งใหญ่สองครั้งในศตวรรษที่ 19 สิ่งปลูกสร้างจำนวนมากของปราสาทถูกรื้อถอนระหว่างยุคเมจิและบริเวณส่วนกลางและตะวันตกของบริเวณปราสาทได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นสวนซากปราสาททาคะดะ 

 

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ: หอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ที่เราเห็นที่สวนในปัจจุบันจริงๆแล้วสร้างในปี 1993 ในการบูรณะสร้างใหม่สิ่งปลูกสร้างดั้งเดิม และสะพานที่เป็นสัญลักษณ์ สะพานโกะคุราคุ (Gokuraku Bridge 極楽橋) ที่ทอดยาวจากสวนไปยังส่วนในของบริเวณปราสาทนั้นได้รับการฟื้นฟูบูรณะในปี 2002

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโฮคุริคุชินคันเซ็น (Hokuriku Shinkansen) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Jōetsumyōkō  (JR上越妙高駅 Jōetsumyōkō-eki) และเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Myōkō Haneuma Line (妙高はねうまライン) โดยบริษัทรถไฟเอจิโกะโทคิเมคิเรลเวย์ (Echigo TOKImeki Railwayえちごトキめき鉄道 Echigo TOKImeki Tetsudō) เพื่อเดินทางไปต่อยังสถานี Takada (高田駅 Takada-eki) สวนอยู่ห่าง 15 นาทีเดินจากสถานีรถไฟ ข้อควรระวังคือรถไฟของบริษัทเอจิโกะโทคิเมคิเรลเวย์ (Echigo TOKImeki Railway) เฉพาะช่วงสถานี Naoetsu (直江津駅 Naoetsu-eki) ถึงสถานี Arai (新井駅 Arai-eki) นั้นค่าโดยสารครอบคลุมโดยตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

 

⑦ สวนซากปราสาทชิบาตะ (Shibata Castle Ruins Park 新発田城址公園)

ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน–ปลายเดือนเมษายน

สวนซากปราสาทชิบาตะในเวลากลางวัน (เครดิตภาพ: Niigata Prefecture)

 

สุดท้ายนี้เราไปกันที่สวนซากปราสาทชิบาตะซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองชิบาตะ (Shibata city新発田市) ทางตอนเหนือของจังหวัดนีกาตะ สวนเป็นที่ตั้งของบางจุดชมวิวซากุระที่ดีที่สุดและเป็นสถานที่ที่เป็นนิยมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ หนึ่งในวิวทิวทัศน์ที่น่าชมในช่วงฤดูใบไม้ผลิคือการประดับไฟปราสาทด้วยโคมไฟกระดาษโบราณในสวน

  

พื้นหลัง: ปราสาทชิบาตะ (Shibata Castle 新発田城)

หอคอยปราสาทชิบาตะในเวลากลางคืน (เครดิตภาพ: Niigata Prefecture)

 

ตั้งอยู่ตรงกลางสวนคือ ปราสาทชิบาตะ ปราสาทสุดท้ายของเราในรายการนี้ เมื่อก่อนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ  "ปราสาทไอริส" (菖蒲城 Ayame-jō) ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นของสมัยคามะคุระ (1185–1333) และถูกสร้างใหม่หลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีหลังจากทนทานต่อสงครามหลายครั้งและไฟไหม้ สิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่ที่สุดและยังหลงเหลือถึงทุกวันนี้ก็คือ ประตูหลัก (表門 Omote-mon) ซึ่งย้อนกลับไปได้ถึงปี 1732 ยิ่งไปกว่านั้นประตูนี้และนิโนะมารุซุมิยากุระ (Ninomaru Sumi Yagura 二の丸隅櫓) หนึ่งในหอคอยปราสาทได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ สถานที่จำนวนมากของปราสาทชิบาตะไม่เปิดให้เข้าต่อสาธารณะชนเพราะว่าปัจจุบันเป็นของกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่น จริงๆแล้วกล่าวกันว่าปราสาทนี้มีชื่อเล่นว่า “ปราสาทกองกำลังป้องกันตัวเอง เซนโกะคุ”!

 

การเดินทาง

นั่งรถไฟโจเอ็ตสึชินคันเซ็น (Jōetsu Shinkansen 上越新幹線) จากสถานี JR Tokyo ไปยังสถานี JR Niigata (JR新潟駅 Niigata-eki) และเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย  Hakushin Line (白新線 Hakushin-sen) เพื่อไปต่อยังสถานี JR Shibata (新発田駅 Shibata-eki) หลังจากถึงสถานี JR Shibata แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดิน 20 นาทีไปยังสวนได้

 

บทสรุปปิดท้าย

ปราสาทมีบทบาทเป็นสัญลักษณ์ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับเก็บรวบรวมมรดกและประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศ ปราสาทร่วมกันกับซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิสร้างอัตลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับญี่ปุ่น ที่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนจากทั่วโลกทุกปี ภาคตะวันออกของญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่เป็นที่ตั้งของบางสถานที่ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นที่เป็นจุดชมวิวซากุระสวยๆนี้ และสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งหมดก็คือเกือบทั้งหมดของจุดชมวิวซากุระนี้สามารถเดินทางไปถึงได้ด้วยรถไฟ ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถไปถึงได้โดยง่าย เพื่อที่จะชมซากุระโดยมีปราสาทเป็นพื้นหลังเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ทุกคนควรลองเป็นประสบการณ์ และฉันหวังว่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะสามารถไปและสัมผัสประสบการณ์นี้ได้ด้วยตัวเอง

 

คอยติดตามบทความซีรี่ส์ซากุระครั้งหน้า (และเป็นครั้งสุดท้าย) ที่ฉันจะสำรวจไปยังวิวทิวทัศน์ที่สวยงามยอดเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสามารถเห็นได้เฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น: ต้นซากุระต้นเดียวโดดเดี่ยว

 

JR EAST PASS (Tohoku area)

ตั๋วพาส JR EAST PASS (Tohoku area) และที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณอยากจะท่องเที่ยวไปเยือนจุดชมซากุระในภูมิภาคโทโฮคุ  พิจารณาตั๋วพาส JR EAST PASS (Tohoku area) ที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 5 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 20,000 เยน ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ ผู้ถือตั๋วพาสนี้สามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ฟรีและจองล่วงหน้าได้สูงสุด 1 เดือน กดเข้าไปดูที่นี่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ JR EAST PASS (Tohoku area)

 

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

ตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)

 

ถ้าคุณอยากจะท่องเที่ยวไปเยือนจุดชมซากุระในภูมิภาคชินเอ็ตสึ  พิจารณาตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 5 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 18,000 เยน ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเที่ยวนากาโน่และนีกาตะจากโตเกียว ผู้ถือตั๋วพาสนี้สามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ฟรีและจองล่วงหน้าได้สูงสุด 1 เดือน กดเข้าไปดูที่นี่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area).

 

หมายเหตุ: ตั้งแต่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไปมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับเขตที่ใช้ได้และราคาของตั๋วพาส JR East rail pass ที่กล่าวข้างต้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาตรวจสอบที่นี่.

 

เครดิตภาพส่วนหัว: Yamagata Prefecture and Niigata Prefecture

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Share this article:
TSC-Banner