ซากุระซีรี่ส์ #3 : ซากุระต้นเดี่ยว

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสี่ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ฤดูกาลมีบทบาทที่เป็นสัญลักษณ์ในชีวิตของชาวญี่ปุ่น ในแต่ละฤดูมีความหมายในตัวของมันเอง ฤดูใบไม้ผลิมีความหมายถึงการเริ่มต้นใหม่สำหรับคนท้องถิ่นและในช่วงนี้ของทุกปี ซากุระ (桜 sakura) จะบานทั้งประเทศเป็นที่กุมความสนใจทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ว่าซากุระจะบานทุกปีแต่มันไม่เคยหยุดทำให้ทุกคนหลงไหลในกลีบซากุระที่กระจัดกระจายไปในอากาศและปกคลุมไปทั่วพื้นดิน
ต้นซากุระสามารถพบเห็นได้ในสถานที่มากมายทั่วญี่ปุ่นและส่วนใหญ่จะถูกปลูกด้วยกันเพื่อที่ผู้คนสามารถเข้าชมแถวของต้นซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ แต่บางครั้งมีบางต้นเก่าแก่ที่ไม่เหมือนกับต้นซากุระอื่นๆที่ปกติจะอยู่เป็นกลุ่ม ต้นเหล่านั้นยืนอยู่ต้นเดียว ซากุระต้นเดี่ยว (一本桜 ipponzakura) เหล่านี้อดทนต้านทานต่อมารดาแห่งธรรมชาติทั้งลมแรงหรือหิมะตกหนัก และมีชีวิตผ่านยุคผ่านสมัยย้อนไปได้ไกลถึง 1,000 ปี แม้กระทั่งปัจจุบันซากุระต้นเดี่ยวเหล่านี้ยังยืนต้นแข็งแรงและเตือนผู้คนให้นึกถึงความแข็งแกร่งที่สุด ความสวยงามและกระทั่งสิ่งลี้ลับประหลาดมหัศจรรย์
ตำแหน่งที่ตั้งซากุระต้นเดี่ยวในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น (เครดิตภาพ: Google Maps)
ซากุระซีรี่ส์ของฉันก็มาถึงตอนจบในบทความนี้ที่ซึ่งฉันจะสำรวจไปยังซากุระต้นเดี่ยวที่พบในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น ต้นซากุระโดดเดี่ยวเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้แตกต่างจากซากุระอื่นๆที่พบในจุดชมซากุระที่เป็นที่นิยมกว่า ซากุระต้นเดี่ยวนั้นมีบางต้นถึงขนาดได้ถูกจดทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศ (天然記念物 tennen kinenbutsu)
ซากุระต้นเดี่ยวมีความแตกต่างจากต้นซากุระที่ผู้คนมักจะเห็นในสวนสาธารณะที่คนจำนวนมากรวมตัวกันและสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการชมซากุระใต้ต้น (花見 hanami) แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้พวกมันมีความพิเศษ การชมซากุระต้นเดียวยืนต้นบนพื้นราบโดยรอบทำให้ซากุระต้นเดี่ยวเหล่านั้นสวยสง่างามยิ่งขึ้น และมันเป็นสิ่งที่ผู้คนจากทั่วโลกควรมาและชมด้วยตนเอง
(หมายเหตุ: บทความนี้เป็นส่วนสุดท้ายของซากุระซีรี่ส์ที่มีสามส่วน เน้นเป็นพิเศษถึงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงในญี่ปุ่น ข้อควรระวังคือช่วงเวลาที่ซากุระบานที่จะกล่าวต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)
① ซากุระต้นเดี่ยวที่ฟาร์มโคะอิไว (Koiwai Farm Ipponzakura 小岩井農場一本桜)
ซากุระต้นเดี่ยวที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ (เครดิตภาพ: KOIWAI FARM,LTD.)
เราเริ่มด้วยหนึ่งในซากุระต้นเดี่ยวที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ที่สุดต้นหนึ่งของโทโฮคุ (東北) อยู่ที่จังหวัดอิวาเทะ (岩手県 Iwate-ken) เป็นต้นซากุระโดดเดี่ยวที่อยู่เบื้องหน้าของภูเขาอิวาเทะ (岩手山 Iwate-san) สิ่งที่ทำให้ต้นซากุระนี้โดดเด่นก็คือทิวทัศน์อันงดงามตระการตาราวกับภาพวาด ซึ่งมีการวางเคียงกันของกลีบซากุระสีขาวอมชมพู หญ้าสีเขียวมรกต ท้องฟ้าสีฟ้าและพื้นหลังเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทั้งหมดรวมกันเป็นวิวทิวทัศน์ที่ดูเหมือนตรงออกมาจากภาพวาด
ช่วงเวลาซากุระบาน: ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม
ตำแหน่งที่ตั้ง: ฟาร์มโคะอิไว Koiwai Farm (小岩井農場)
ฟาร์มโคะอิไวในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: KOIWAI FARM,LTD.)
ต้นซากุระโดดเดี่ยวตั้งอยู่ในฟาร์มโคะอิไวฟาร์มส่วนตัวที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของจังหวัดอิวาเทะ เมืองโมริโอกะ (盛岡市 Morioka-shi) ด้วยนักท่องเที่ยวมากกว่า 500,000 คนต่อปีทำให้ฟาร์มนี้เป็นที่นิยมอย่างมากมายในระหว่างคนท้องถิ่นและมีมานานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1891 จริงๆแล้วซากุระต้นเดี่ยวต้นนี้กล่าวกันว่าถูกปลูกเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้วด้วยและตั้งแต่นั้นผู้คนจำนวนมากมาเยือนฟาร์มในฤดูที่แตกต่างกันเพียงเพื่อมาชมต้นซากุระนี้ แต่ระหว่างฤดูทั้งหมด ฤดูใบไม้ผลิมักถูกจัดให้เป็นฤดูที่ดีที่สุดในการชมต้นซากุระนี้ในสถาพที่เต็มไปด้วยความสวยงาม
(หมายเหตุ: ฉันเขียนครอบคลุมถึงฟาร์มนี้ในบทความก่อนหน้านี้ ดังนั้นอ่านและชมได้เพื่อรายละเอียดมากขึ้น)
การเดินทาง
นั่งรถบัสจากที่ขึ้นรถเบอร์ 10 ทางออกตะวันออกของสถานี JR Morioka (JR盛岡駅 Morioka-eki) เป็นรถบัสสายโคะอิไว (Koiwai Line) และลงที่ป้าย Koiwai-nojo Makiba-en ฟาร์มอยู่หน้าตรงป้ายรถบัสเลย
② อิชิวะริซากุระ (Ishiwarizakura 石割桜)
อิชิวะริซากุระในจังหวัดอิวาเทะ (เครดิตภาพ: 岩手県観光協会)
ต้นต่อไปก็อยู่ในจังหวัดอิวาเทะและตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองโมริโอกะ อิชิวะริซากุระเป็นพันธุ์ เอโดะฮิกัง (Edohigan エドヒガン) ต้นซากุระนี้ไม่เหมือนต้นอื่นๆ มันโตออกมาจากรอยแยกของก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่จึงทำให้มีชื่ออย่างนี้ (อิชิวะริซากุระแปลว่าซากุระทำให้หินแตก) รูปลักษณ์ที่โดดเด่นทำให้มันเป็นต้นซากุระที่เป็นที่รักและเป็นที่นิยมของเมือง
เมืองโมริโอกะเกือบจะเสียต้นซากุระที่เป็นสัญลักษณ์นี้แล้วในปี 1932 เมื่อเกิดไฟไหม้ที่สำนักงานศาลที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีและขอบคุณการตอบสนองที่ว่องไวของพนักงานดับเพลิงและการกระทำอย่างกล้าหาญของนักทำสวนที่ชื่อ ฟุจิมุระ จิโร่ (Fujimura Jiro 藤村治太郎) ต้นซากุระนี้จึงรอดมาได้ จนถึงปัจจุบันนี้ครอบครัวตระกูลฟุจิมุระยังคงดูแลต้นซากุระนี้ในฐานะนักทำสวนอาสาสมัคร ด้วยเหตุผลเช่นนี้ต้นซากุระนี้เป็นต้นแรกในบทความนี้ที่ได้ถูกจดทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศ
ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน-ปลายเดือนเมษายน
ตำแหน่งที่ตั้ง: เมืองโมริโอกะ (Morioka City 盛岡市)
อิชิวะริซากุระ (ซ้าย) และลำต้นของซากุระที่ผ่าแตกแยกหิน (ขวา) (เครดิตภาพ: 岩手県観光協会)
ต้นซากุระยืนอยู่ใจกลางเมืองโมริโอกะ เมืองหลวงของจังหวัดอิวาเทะ ตั้งอยู่ข้างๆศาลแขวงโมริโอกะอาคารหลังเดียวกันกับที่เกิดไฟไม้เมื่อหลายทศวรรษก่อน เมืองเฉลิมฉลองต้นซากุระนี้ในฐานะหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองและผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมตัวกันทุกฤดูใบไม้ผลิเพื่อชมซากุระบานเต็มที่
การเดินทาง
นั่งรถบัสรอบเมืองกลางสาย Central Loop Bus Denden-mushi (ทิศทางตามเข็มนาฬิกา) จากจุดขึ้นรถ 16 ที่อยู่ทางออกตะวันออกของสถานี JR Morioka และลงที่ป้าย Chuodori 1-chome (นั่งรถบัส 5 นาที) จากป้ายรถบัสคุณสามารถเดิน 1 นาทีก็ถึงต้นซากุระซึ่งอยู่ข้างๆศาลแขวงโมริโอกะ ทางเลือกอื่นได้แก่ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถเท็กซี่ 5-10 นาทีจากสถานีรถไฟไปยังต้นซากุระ หรือเพียงแค่เดินประมาณ 20 นาทีจากสถานีรถไฟ
③ อิสะซะวะโนะคุโบะซากุระ (Isazawa no Kubozakura 伊佐沢の久保ザクラ)
อิสะซะวะโนะคุโบะซากุระ ในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Yamagata Prefecture)
ลำดับต่อไปเราย้ายไปยังจังหวัดยามะกะตะ (山形県 Yamagata-ken) จังหวัดที่เต็มไปด้วยภูเขา ที่ซึ่งเราสามารถพบกับหนึ่งในต้นซากุระที่ใหญ่ที่สุดในโทโฮคุ อิสะซะวะโนะคุโบะซากุระที่สง่างามตั้งอยู่ที่เมืองนะไก (長井市 Nagai-shi) ซึ่งกล่าวกันว่ามีอายุมากกว่า 1,200 ปี
ต้นซากุระถูกพยุงด้วยหลายไม้ค้ำยันเพราะว่ากิ่งหน่อและดอกซากุระทำให้ส่วนบนของต้นไม้หนักและลำต้นที่อายุมากแล้วแบกหนักเกินไปจนเกิดรอยแตกในลำต้นเพราะน้ำหนัก ดังนั้นหน่วยงานทางด้านวัฒนธรรมจึงตัดสินใจที่จะทำกระบวนการฟื้นฟูต้นซากุระให้กลับสู่สภาพเดิมโดยใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงกิ่งและบำรุงพื้นดินด้วยพีทมอสและถ่านไม้ ต้นซากุระนี้ก็ได้รับจดทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศด้วย
ช่วงเวลาซากุระบาน: ปลายเดือนเมษายน
ตำแหน่งที่ตั้ง: เมืองนะไก (Nagai City 長井市)
อิสะซะวะโนะคุโบะซากุระในยามค่ำคืน (เครดิตภาพ: Yamagata Prefecture)
อิสะซะวะโนะคุโบะซากุระอยู่ในเมืองนะไก จังหวัดยามะกะตะ เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ยุคศักดินา วิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทั้งปีและกระทั่งอาหารรสเลิศที่น่าสนใจ เมืองได้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวค่อยๆเพิ่มขึ้นเพราะความสวยของธรรมชาติของเมือง แต่กล่าวกันว่าฤดูใบไม้ผลิให้วิวที่ดีที่สุดในบรรดาฤดูกาลทั้งหมด
การเดินทาง
นั่งรถไฟยามะกะตะชินคันเซ็น (Yamagata Shinkansen 山形新幹線) จากสถานี JR Yamagata (JR山形駅 Yamagata-eki) ไปยังสถานี JR Akayu (JR赤湯駅 Akayu-eki) จากที่นั่นเปลี่ยนเป็นรถไฟของบริษัทรถไฟยามะกะตะ (山形鉄道 Yamagata-tetsudo) ไปยังรถไฟสาย Flower Nagai Line (フラワー長井線 Furawa-Nagai-sen) และนั่งต่อไปยังสถานี Minami-Nagai Station (南長井駅 Minami-Nagai-eki) หลังจากถึงแล้วนั่งเท็กซี่ 10 นาทีไปยังต้นซากุระ
④ มิฮารุทาคิซากุระ (Miharu Takizakura 三春滝桜)
มิฮารุทาคิซากุระในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: Fukushima Prefecture)
ต้นซากุระที่ถูกพิจารณาเลือกโดยคนจำนวนมากให้เป็นต้นซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นนั้นอยู่ในจังหวัดฟุคุชิมะ (福島県 Fukushima-ken) มิฮารุทาคิซากุระเป็นต้นซากุระพันธุ์เบนิชิดาเระ (Benishidare ベニシダレ) ที่กล่าวกันว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปีและชื่อของต้นซากุระแปลว่า “ซากุระน้ำตกมิฮารุ” ชื่อนี้มาจากการผสมระหว่างชื่อของเมืองที่ต้นซากุระตั้งอยู่และความกว้างของต้นเป็นเท่าใด กิ่งที่ย้อยลงมานั้นกว้างแผ่ขยายไปถึง 18-20 เมตรดูเหมือนน้ำตกตกลดหลั่นกันลงมา
มิฮารุทาคิซากุระเป็นหนึ่งใน “สามต้นซากุระที่ยิ่งใหญ่” (日本三大桜 nihon-sandaizakura) และเป็นหนึ่งในสองที่อยู่ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น (อีกต้นหนึ่งจะกล่าวต่อไปในบทความนี้) แม้ว่าต้นซากุระนี้จะอยู่ในเขตชนบทและห่างไกล มันไม่สามารถหยุดจำนักท่องเที่ยวจำนวนมากถึง 300,000 คนจากการมาเพื่อชมภาพที่น่าตื่นเต้นของดอกไม้นี้ทุกฤดูใบไม้ผลิ และไม่เพียงแค่นั้นต้นซากุระนี้ยังเป็นต้นซากุระต้นแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศย้อนกลับไปในปี 1922
ช่วงเวลาซากุระบาน: กลางเดือนเมษายน-ปลายเดือนเมษายน
ตำแหน่งที่ตั้ง: เมืองมิฮารุ (Miharu Town 三春町)
มิฮารุทาคิซากุระถูกประดับไฟในยามค่ำคืน (เครดิตภาพ: Fukushima Prefecture)
มิฮารุทาคิซากุระอยู่ในเมืองมิฮารุและอยู่ใกล้แม่น้ำโอทาคิเนะ (大滝根川 Otakine-gawa) เมืองได้เห็นนักท่องเที่ยวจากต่างเมืองจำนวนมากทุกฤดูใบไม้ผลิเพียงเพื่อชมต้นซากุระนี้บาน มากพอที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น!
การเดินทาง
นั่งรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen 東北新幹線) จากสถานี JR Fukushima (JR福島駅 Fukushima-eki) ไปยังสถานี JR Koriyama (JR郡山駅 Koriyama-eki) แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย Ban’etsu East Line (JR磐越東線 Ban’etsu-to-sen) และมุ่งไปยังสถานี JR Miharu (JR三春駅 Miharu-eki) หลังจากถึงแล้วนั่งรถบัส 25 นาทีซึ่งจะมีเฉพาะระหว่างช่วงพีคของฤดูซากุระบาน (1,000 เยนสำหรับตั๋วหนึ่งวันและรวมค่าเข้าไปยังต้นซากุระด้วยแล้ว)
⑤ โนะไดระโนะอิปปงซากุระ (Nodaira no Ipponzakura 野平の一本桜)
โนะไดระโนะอิปปงซากุระ (เครดิตภาพ: JR East / Carissa Loh)
เราย้ายไปยังภูมิภาคอื่นในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นนั่นก็คือ ชินเอ็ตสึ (Shin’etsu 信越) ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดนากาโน่ (長野県 Nagano-ken) แม้ว่าจังหวัดจะมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามเกี่ยวกับภูเขา (เพราะฉะนั้นสกีรีสอร์ทในระหว่างฤดูหนาว) นากาโน่ก็เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางสำหรับความสวยงามทางธรรมชาติที่ไม่มีใครเทียบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถพบต้นซากุระที่งดงามอย่างยิ่งราวกับภาพวาด
โนะไดระโนะอิปปงซากุระเป็นต้นซากุระโดดเดี่ยวพันธุ์โอยามะ (Oyama オオヤマ) ที่ซึ่งยืนต้นโดยมีพื้นหลังเป็นสามภูเขาฮาคุบะที่ยิ่งใหญ่สง่างาม (白馬三山 Hakuba Sanzan) ซึ่งประกอบไปด้วยภูเขาชิโรอุมะ (白馬岳 Shirouma-dake) ภูเขาชะคุชิ (杓子岳 Shakushi-dake) และภูเขาฮาคุบะยาริกะทะเคะ ( 白馬鑓ヶ岳Hakuba Yarigatake) ความแตกต่างตัดกันระหว่างกลีบซากุระสีขาวอมชมพูกับพื้นหลังภูเขาสีขาวหิมะและท้องฟ้าสีฟ้าใสทำให้เกิดวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นภาพสมบูรณ์แบบ ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดถ้าพวกเขามาเยือนบริเวณนี้ในฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงเวลาซากุระบาน: ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม
ตำแหน่งที่ตั้ง: หมู่บ้านฮาคุบะ (Hakuba Village 白馬村)
ต้นซากุระโดดเดี่ยวอยู่กลางระหว่างสามภูเขาฮาคุบะ (เครดิตภาพ: JR East / Kobori)
โนะไดระโนะอิปปงซากุระอยู่ที่เขตโนะไดระในฮาคุบะที่เป็นหมู่บ้านมีชื่อเสียงระดับนานาชาติสำหรับสกีรีสอร์ท ดังนั้นนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลกมาเยือนหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ในฤดูหนาว แต่ฉันคิดว่ามันเป็นการพลาดโอกาสสำหรับใครก็ตามที่มาเยือนที่นี้เพียงฤดูหนาวเท่านั้น ฤดูใบไม้ผลิก็สวยงามเท่ากับฤดูหนาว (หรือฤดูอื่นๆ) ในฮาคุบะและนี่เป็นหนึ่งวิวทิวทัศน์ที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด
การเดินทาง
นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Azusa (特急あずさ) ตรงจากสถานี JR Shinjuku (JR新宿駅 Shinjuku-eki) ไปยังสถานี JR Shinano-Moriue (JR信濃森上 Shinano-Moriue-eki) ข้อควรระวังคือบริการรถไฟตรงนี้ออกวันละครั้งเวลา 8 โมงเช้าและการเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ทางเลือกอื่นคือนั่งรถไฟด่วนพิเศษ Shinano (しなの) จากสถานี JR Nagano (JR長野駅 Nagano-eki) ไปสถานี JR Matsumoto (JR松本駅 Matsumoto-eki) และหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย Oito Line (JR大糸線 Oito-sen) ไปยังสถานี JR Shinano-Moriue หลังจากไปถึงนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเท็กซี่ 7 นาทีไปยังต้นซากุระ ทางอื่นคือนั่งรถบัส Alpico bus จากสถานี JR Nagano ไปยังสถานี JR Hakuba (JR白馬駅 Hakuba-eki) และหลังจากนั้นนั่งเท็กซี่ 10 นาทีไปยังต้นซากุระ โปรดทราบว่า JR EAST PASS ไม่ครอบคลุมบริการรถบัสนี้
⑥ ยามะทะคะจินไดซากุระ (Yamataka Jindaizakura 山高神代桜)
ยามะทะคะจินไดซากุระในฤดูใบไม้ผลิ (เครดิตภาพ: photoAC)
จังหวัดยามะนาชิ (山梨県 Yamanashi-ken) ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูบุ (中部 Chubu) และเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิที่มีชื่อเสียงระดับโลก (富士山 Fuji-san) ร่วมกันกับจังหวัดชิซูโอกะ (静岡県 Shizuoka-ken) ในจังหวัดนี้เราสามารถพบหนึ่งในต้นซากุระที่สำคัญที่สุดและอายุยืนที่สุดในประเทศ
ยามะทะคะจินไดซากุระเป็นต้นซากุระพันธุ์เอโดะฮิกังซึ่งกล่าวกันว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปีด้วยความสูงมากกว่า 10 เมตรและขนาดเส้นรอบลำต้น 11.8 เมตร ต้นซากุระนี้ก็เป็นหนึ่งในต้นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ร่วมกันกับมิฮารุทาคิซากุระมันเป็นหนึ่งใน “สามต้นซากุระที่ยิ่งใหญ่”ของประเทศ ซึ่งมีชื่อเสียงสำหรับความสวยงามที่โดดเด่นเฉพาะตัว และเช่นเดียวกับอิสะซะวะโนะคุโบะซากุระ ซากุระต้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศ
ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน-กลางเดือนเมษายน
ตำแหน่งที่ตั้ง: เมืองโฮคุโตะ (Hokuto City 北斗市)
ยามะทะคะจินไดซากุระอยู่ใกล้วัดในโฮคุโตะ (เครดิตภาพ: photoAC)
ยามะทะคะจินไดซากุระอยู่ในเมืองโฮคุโตะ จังหวัดยามะนาชิ และอยู่ใกล้วัดที่ชื่อ โอตสึยามะจิสโสจิ(Otsuyama Jissoji 大津山実相寺) และนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาที่นี่จากในเมืองเพียงเพื่อมาชมและเพลิดเพลินไปกับต้นซากุระนี้ นอกเหนือจากต้นซากุระที่เป็นสัญลักษณ์นี้แล้ว บริเวณใกล้เคียงกับวัดก็เป็นที่ตั้งของต้นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะจำนวนมาก (ソメイヨシノ) และดอกแดฟโฟดีลด้วย บริเวณทั้งหมดเป็นสวรรค์ของดอกไม้ดังนั้นผู้ชื่นชอบในดอกไม้ไม่อยากพลาดสถานที่นี้!
การเดินทาง
นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Azusa จากสถานี JR Shinjuku ไปยังสถานี JR Nirasaki (JR韮崎駅 Nirasaki-eki) หลังจากถึงแล้วนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสที่ไปทาง Shimokyo-Raishi โดยใช้เวลา 30 นาทีและลงที่ป้าย Makinohara (牧の原) ต้นซากุระอยู่ห่าง 30 นาทีเดินจากป้ายรถบัส
⑦ วานิทสึคะโนะซากุระ (Wanitsuka no Sakura わに塚のサクラ)
นักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูปวานิทสึคะโนะซากุระ (เครดิตภาพ: 韮崎市観光協会)
ซากุระต้นเดี่ยวต้นสุดท้ายของเราก็อยู่ในจังหวัดยามะนาชิ อยู่เพียงแค่ทางตอนใต้ของยามะทะคะจินไดซากุระ วานิทสึคะโนะซากุระอยู่ที่เมืองนิระสาคิ (韮崎市 Nirasaki-shi) ต้นซากุระที่มีอายุประมาณ 330 ปีนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและของทั้งจังหวัด
สิ่งที่โดดเด่นของต้นซากุระนี้ก็คือบริเวณรอบข้าง ในวันที่ท้องฟ้าสดใส สามารถเห็นภูเขายัตสึกะทาเคะ (八ヶ岳連峰 Yatsugatake-renpo) ได้ในระยะไกลและเป็นพื้นหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับต้นไม้ที่น่าทึ่งอยู่แล้ว บางทีประสบการณ์อย่างที่วิเศษนั้นคือการชมต้นซากุระนี้หลังพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อมันถูกส่องแสงด้วยสปอตไลท์ภายใต้ท้องฟ้ากลางคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ช่วงเวลาซากุระบาน: ต้นเดือนเมษายน-กลางเดือนเมษายน
ตำแหน่งที่ตั้ง: เมืองนิระสาคิ (韮崎市 Nirasaki City)
วานิทสึคะโนะซากุระในตอนกลางคืน (เครดิตภาพ: 韮崎市観光協会)
วานิทสึคะโนะซากุระตั้งอยู่ในชนบทของหมู่บ้านคามิยามะ (神山町 Kamiyama-cho) ในเมืองนิระสาคิ จังหวัดยามะนาชิ ถึงตำแหน่งจะเป็นชนบทก็ตามผู้สนใจชื่นชอบซากุระและถ่ายภาพจำนวนมากได้เดินทางมาที่นี่เพียงเพื่อชมต้นซากุระที่สวยงามมีชื่อเสียงนี้ในฤดูใบไม้ผลิ
การเดินทาง
นั่งรถไฟ JR ด่วนพิเศษ Azusa จากสถานี JR Shinjuku ไปยังสถานี JR Nirasaki หลังจากถึงแล้วนักท่องเที่ยวสามารถนั่งบัสจากสถานีใช้เวลา 15 นาทีและลงที่ป้าย Takeda-Hachimangu Iriguchi (武田八幡宮入り口) ต้นซากุระอยู่ห่างเดิน 10 นาทีจากป้ายรถบัส
บทสรุปปิดท้าย
ต้นซากุระทำให้ผู้คนตกตะลึงและประหลาดใจได้ทุกปี และความสวยงามอันเป็นสัญลักษณ์ของมันยังคงผลกระทบที่ถาวรต่อการดำรงชีวิตของพวกมัน เนื่องจากซากุระบานเพียงช่วงเวลาสั้นๆ 7-14 วัน ผู้คนมีเวลามากมายที่จะชื่นชมเพลิดเพลินไปกับซากุระ มันเป็นสิ่งช่วยเตือนความจำของการเริ่มต้นใหม่และธรรมชาติของชีวิตที่ชั่วประเดี๋ยว พวกเรามีเวลามากมายก่อนที่ซากุระบานจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะที่ผู้คนหลั่งไหลไปชมดอกไม้ด้วยกัน หรือสถานที่เงียบสงบซึ่งผู้คนเดินทางออกไปผจญภัยเพียงเพื่อชมมัน วิวทิวทัศน์ของซากุระทำให้ผู้คนปิติยินดีอิ่มเอมใจเสมอ
(เคล็ดลับคนวงใน: ด้วย JR EAST PASS (Tohoku area) คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟอย่างที่กล่าวมาข้างต้นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับ①-④ และสำหรับ⑤-⑦นั้นใช้ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)แล้วคุณก็สามารถโดยรถไฟอย่างที่กล่าวมาข้างต้นได้ฟรีเช่นกัน อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังคือ รถไฟสาย Flower Nagai Line ต้องซื้อตั๋วเพิ่มแยกต่างหาก)
JR EAST PASS (Tohoku area)
ตั๋วพาส JR EAST PASS (Tohoku area) และพื้นที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)
ตั๋วพาส JR EAST PASS (Tohoku area) เป็นพาสที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 5 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 20,000 เยน ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ ผู้ถือตั๋วพาสนี้สามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ฟรีและจองล่วงหน้าได้สูงสุด 1 เดือน กดเข้าไปดูที่นี่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ JR EAST PASS (Tohoku area)
หมายเหตุ: ตั้งแต่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไปมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับเขตที่ใช้ได้และราคาของตั๋วพาส JR EAST PASS (Tohoku area) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาตรวจสอบที่นี่
JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)
ตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) และพื้นที่ที่คุณสามารถใช้พาสได้ (เครดิตภาพ: JR East)
ตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) เป็นพาสที่ราคาไม่แพงและสามารถนั่งรถไฟของ JR East ได้ไม่จำกัดรวมทั้งชินคันเซน ในเขตที่กำหนด 5 วันติดต่อกันด้วยราคาเพียง 18,000 เยน ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะเที่ยวนากาโน่และนีกาตะจากโตเกียว ผู้ถือตั๋วพาสนี้สามารถจองที่นั่งออนไลน์ได้ฟรีและจองล่วงหน้าได้สูงสุด 1 เดือน กดเข้าไปดูที่นี่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)
หมายเหตุ: ตั้งแต่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไปมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับเขตที่ใช้ได้และราคาของตั๋วพาส JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาตรวจสอบที่นี่
เครดิตภาพส่วนหัว: Fukushima Prefecture